ที่ทำงานคือสถานที่ที่คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตในแต่ละวันมากที่สุด การออกแบบออฟฟิศจึงมีความสำคัญต่อบรรยากาศการทำงานอย่างมาก เพราะออฟฟิศที่ไร้การตกแต่งที่มองไปทางไหนก็มีแต่โต๊ะและอุปกรณ์สำนักงานวางอัดแน่นเรียงรายนั้นไม่สามารถสร้างแรงบันดาลใจหรือพลังในการสร้างสรรค์ผลงานได้ ในทางตรงกันข้าม กลับยิ่งสร้างความอึดอัด และชวนหดหู่ให้พนักงานได้ไม่น้อย ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานของพวกเขาอย่างแน่นอน
องค์กรในยุคปัจจุบันล้วนตกอยู่ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด การดึงศึกยภาพคนทำงานออกมาให้ได้มากที่สุดจึงเป็นเรื่องสำคัญ และปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการดึงศักยภาพคนรุ่นใหม่คือการออกแบบออฟฟิศที่ทันสมัย คำนึงถึงไลฟ์สไตล์ และค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่รักอิสระแต่ก็มีความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงต้องรองรับศักยภาพของ Next Generation ที่จะเข้าสู่โลกดิจิทัล โดยบทความนี้ จะพามาสำรวจ 5 เทรนด์การดีไซน์ออฟฟิศสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่มาแรงในปี 2022 ดังต่อไปนี้
1. Sustainable workplace หรือการออกแบบออฟฟิศที่ใส่ใจความยั่งยืนซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่สำคัญในปัจจุบัน เนื่องจากที่ผ่านมาโลกได้บทเรียนว่าการมุ่งผลสำเร็จโดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นข้อผิดพลาดที่จะนำไปสู่การสูญเสียสมดุลในสังคมเสมอ ออฟฟิศในยุคใหม่จึงจำเป็นต้องสนใจความยั่งยืนมากขึ้น โดยการพัฒนาธุรกิจ คน และการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน เช่น การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การออกแบบให้รองรับการใช้พลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานจากธรรมขาติ (โซลาเซลล์ การจัดการทรัพยากรน้ำ)
2. Activity based working หรือการออกแบบออฟฟิศที่คำนึงถึงรูปแบบการทำงาน เพราะงานแต่ละด้านมีลักษณะกิจกรรมที่แตกต่างกันไป การดีไซน์พื้นที่ให้อำนวยความสะดวกต่อการทำงานจึงเป็นเรื่องสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น งานที่ต้องทำเป็นทีม อาศัยการระดมสมองหรือแชร์ไอเดีย ควรสร้างพื้นที่ให้เอื้อต่อการพบปะพูดคุยของพนักงาน ในขณะที่การทำงานที่ต้องใช้เวลานานและอาศัยสมาธิสูง ควรสร้างพื้นที่ให้เงียบสงบ เป็นส่วนตัว และมีอุปกรณ์ครบครันอยู่ใกล้ตัว เป็นต้น
3. Green workplace หรือการดีไซน์ออฟฟิศให้พนักงานรู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ โดยเน้นพื้นที่สีเขียว สวนหย่อม หรือโซนพักผ่อนหย่อนใจที่ประดับด้วยต้นไม้เล็ก ๆ ซึ่งงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้ยืนยันว่าสีเขียวเป็นสีที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงาน เพราะสามารถช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด และช่วยให้สามารถทำงานติดต่อกันได้เป็นระยะเวลานาน การออกแบบออฟฟิศลักษณะนี้จึงสามารถช่วยดึงศักยภาพการทำงานของพนักงานได้มากยิ่งขึ้น
4. Happy workplace หรือการออกแบบที่คำนึงถึงสภาพจิตใจของคนทำงาน โดยจัดสัดส่วนของพื้นที่ทำงานและพื้นที่พักผ่อนอย่างเหมาะสม รวมทั้งสร้างบรรยากาศสบาย ๆ ไม่ตึงเครียดจนเกินไป เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานได้ทุกวันด้วยความสุข ซึ่งความสุขนี้แม้จะฟังดูเป็นเรื่องธรรมดาที่เรียบง่าย แต่ถือเป็นค่านิยมสำคัญของพนักงาน Next Generation เลยทีเดียว
5. Innovative workplace หรือการออกแบบออฟฟิศที่เน้นนวัตกรรมเพื่อการอำนวยความสะดวกในการทำงาน โดยออฟฟิศลักษณะนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานรวมถึงกลุ่มคน Next Generation ยกตัวอย่างเช่น การนำ Internet of Things (IoT) หรือ เทคโนโลยี Automation มาใช้ในสำนักงาน มีซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันมารองรับการทำงาน และจัดสรรพื้นที่เอื้อให้พนักงานสามารถเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ เป็นต้น
หลายคนมองว่า คนรุ่นใหม่เป็นกลุ่มคนมีความสามารถสูง แต่กลับมีความอดทนต่อการทำงานในองค์กรต่ำ ที่มักจะจบลงด้วยการแยกตัวออกจากองค์กรไปทำอาชีพอิสระอยู่เสมอ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ทำให้องค์กรเสียโอกาสในการพัฒนาธุรกิจและพร้อมจะเติบโตไปกับคนรุ่นใหม่
แท้จริงแล้ว การทำงานกับคนรุ่นใหม่ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแต่องค์กรต้องรู้จักปรับตัวให้สามารถหล่อเลี้ยงจิตใจและค่านิยมในชีวิตของพวกเขาให้ได้ โดยทำให้พนักงานรุ่นใหม่รู้สึกว่าองค์กรใส่ใจพวกเขา และพร้อมจะปรับตัวให้เข้ากับโลกสมัยใหม่อยู่เสมอ ซึ่งสามารถเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการออกแบบออฟฟิศที่คำนึงถึงความยั่งยืน ความเหมาะสมต่อการทำงาน มี Facilities ที่ทันสมัย และสามารถสร้างความสุขทั้งกายและใจให้แก่พนักงานได้นั่นเอง